เปิดหน้าคนที่ควรรับผิดชอบ..มลทินรถโบราณวัดปากน้ำ.?


ปัญหาของการใช้กฎหมายระบบกล่าวหา คือ กล่าวหาไปก่อน ถูกผิดให้จำเลยไปพิสูจน์ตัวเองบนศาล สมเด็จฯ วัดปากน้ำก็เลยตกเป็นเหยื่อของระบบกล่าวหาโดยอัตโนมัติ ทั้งที่สมเด็จท่านไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอันใดมาตั้งแต่แรกแล้ว.!

ใช้สื่อชี้นำ เจ้าหน้าที่รัฐชี้นำ

นักการเมืองชี้นำ





คนหน้าซ้ำออกสื่อชี้นำ

เพื่อทำลายชื่อเสียงรายวัน


ยิ่งถ้าย้อนเวลากลับไปช่วงนั้น ก็จะพบว่า ผู้กล่าวหาขยันออกข่าวทุกวันทำลายชื่อเสียงของสมเด็จฯ ท่านจนป่นปี้ราวกับว่าตลอดชีวิตที่ออกบวชตั้งแต่ยังเป็นสามเณรจนเป็นสมเด็จฯ ไม่มีคุณงามความดีใดๆ เลยต่อประเทศชาติพระศาสนาสังคมก็ประณามหยามหมิ่นพระมหาเถระผู้มีพรรษากาลสูงสุดในสังฆมณฑลไปตามน้ำตามข่าวที่ เจ้าหน้าที่รัฐชี้นำ สื่อมวลชี้นำ นักการเมืองชี้นำ 

โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า..

ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์

ปัญหาของกฎหมายระบบกล่าวหามันคืออะไรผลสุดท้าย ผ่านไป 1 ปี สมเด็จฯ ท่านบริสุทธิ์ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่แรก แต่ชื่อเสียงของท่านก็ถูกสังคมด่าว่าให้มัวหมองไปแล้วก็ไม่เห็น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะออกมาแสดงความรับผิดชอบแม้แต่นิดเดียว .!



แม้กระทั่ง

คำขอโทษสักคำ

ก็ไม่เคยมี..


เพราะหน่วยงานรัฐมีกฎหมายคุ้มครองสามารถอ้างมาตรา 14 ประกอบ มาตรา 3 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 ว่าทำตามหน้าที่ตามกฎหมายนั่นคือกล่าวหาเสร็จก็โยนคดีให้อัยการโยนให้ศาลไปแก้ แล้วก็ได้ผลงานไปแบบชิวๆ

ท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า การที่ท่านตกเป็นเครื่องมือกล่าวร้ายพระมหาเถระ ตามที่สื่อชี้นำ นักการเมืองชี้นำนั้น กรรมหนักมันเป็นของท่าน 

เพราะปากเป็นของท่านคนอื่นเขาแค่ชี้นำ แต่ท่านเป็นคนด่าเองกับปาก ท่านจึงต้องรับกรรมไปเองคนเดียวสิ่งสำคัญที่ท่านต้องไม่ลืมก็คือ บุคคลที่ท่านด่าว่ามาเป็นปีๆ นั้น

ท่านคือพระมหาเถระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชบวชมาแล้ว 71 ปี และก่อนบวชพระท่านเคยบวชเณรมา 6 ปี รวมแล้วในขณะนี้ ท่านอยู่ในเพศสมณะมาแล้ว 77 ปี ท่านลองคิดดูเองแล้วกันว่าบาปกรรมที่ท่านทำลายชื่อเสียงของผู้ทรงศีลที่อยู่ในสมณเพศมา 77 ปี มันน่ากลัวขนาดไหน มันรุนแรงถึงขั้นทำให้ชีวิตท่านล่มจมแบบไม่ได้ผุดได้เกิดเลยทีเดียว


กระบวนการฆ่าตัดตอน

แต่งตั้งสังฆราช..


เพราะเป็นกรรมที่เกิดจากที่พวกท่านได้ ตกเป็นเครื่องมือฆ่าตัดตอนการเสนอชื่อขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปกว่านี้ รีบไปกราบขอขมาสมเด็จท่านฯ ถึงวัดปากน้ำจะได้ผ่อนวิบากกรรมจากหนักเป็นเบา เพราะตั้งแต่มีเรื่องราวกล่าวหากันมาเป็นแรมเดือนแรมปีท่านไม่เคยกล่าวร้ายกับคนที่ด่าว่าท่านเลยแม้แต่คำเดียว..


เมื่อท่านทั้งหลายไปกราบขอขมาสมเด็จฯ ท่านแล้วต่อแต่นี้ไปให้นำธรรมะมาฝึกใจให้มีความหนักแน่นอย่าเชื่อข่าวลือโดยง่าย


โดยเฉพาะเรื่องต่อไปที่เขาอยากจะหลอกใช้พวกท่านเป็นเครื่องมือยุแหย่ก็คือ..

การสร้างกระแสโจมตีรัฐบาลว่าสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีเสนอชื่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เชื่องช้าก็เพราะว่าเป็นอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย

ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะการเสนอชื่อนั้นเป็นมติของมหาเถรสมาคม แต่สาเหตุใหญ่ที่ท่านนายกฯ ไม่กล้าเสนอชื่อไปในขณะนั้นเป็นเพราะ 

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปกล่าวหาสมเด็จฯ วัดปากน้ำว่าครอบครองรถหรู ทั้งที่เป็นแค่ซากรถโบราณโดยไม่มีมูลความผิดใดๆ เลยนั่นเอง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ..?


ดังนั้น ถ้าหากในอนาคตมีใครมาหลอกใช้ท่านเป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยกอีกก็ขอให้รู้ไว้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษนั่นแหละจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้

เพราะมาตรา 14 ประกอบ มาตรา 3 พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 กำหนดไว้เช่นนั้น



ผลสุดท้าย..สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์พ้นมลทินจากข้อกล่าวหา


ภาพประวัติศาสตร์

การเหยียบย่ำประมุขสงฆ์ไทย

ตั้งแต่สร้างชาติมายังไม่เคยมี

ปรากฏในยุคใดมาก่อน





ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
Fb Ptreetep Chinunguro


เพราะความลับไม่มีในอากาศ
>Talk--secret.blogspot.com
เปิดหน้าคนที่ควรรับผิดชอบ..มลทินรถโบราณวัดปากน้ำ.? เปิดหน้าคนที่ควรรับผิดชอบ..มลทินรถโบราณวัดปากน้ำ.? Reviewed by สารธรรม on 08:26 Rating: 5

3 ความคิดเห็น:

  1. พวกรัฐบาลโจรสลัดขอให้พวกมันไปมหานรกอเวจี

    ตอบลบ
  2. คนบาปหนา ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษหรอก สุขประเดี๋ยวเดียวแล้วจะไม่ได้เจออีกเลยนับภพนับชาติไม่ได้

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.